ขอให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้พระราชบัญญัติการเดินเรือ ในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2560
ขอให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้พระราชบัญญัติการเดินเรือ
ในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2560
วันที่ 6 มิถุนายน 2560 เวลา 09.30 น. ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายสมหมาย คำมาสาร ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ นายพิชิต ไชยทา หัวหน้าสำนักงานและเจ้าหน้าที่สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้ง
ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาในกระชัง จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมยื่นหนังสือกราบเรียน นายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง ขอให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2560 โดยนายกฤษณ์ ธนาวณิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นผู้รับหนังสือ
ด้วยสภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นองค์กรจัดตั้งตามพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๓ เพื่อทำหน้าที่ประสานนโยบายและการดำเนินงานระหว่างองค์กรเกษตรกรและหน่วยงานของรัฐ ได้รับข้อมูลและการร้องเรียนจากเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ว่าได้รับความเดือดร้อนจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2560 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่ประกอบอาชีพประมงที่ต้องอาศัยแหล่งน้ำเป็นที่ทำมาหากิน และเป็นที่อยู่อาศัย บางส่วนกำลังอยู่ในภาวะวิตกกังวลเป็นอย่างมากจากการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว โดยไม่ทราบมาก่อน เพิ่งจะมาทราบเมื่อมีการบังคับใช้กฎหมายแล้ว ซึ่งมีบทบัญญัติให้ผู้ที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนสิ่งล่วงล้ำแหล่งน้ำ (แม่น้ำ ลำคลอง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ทะเลในน่านน้ำไทย) กับกรมเจ้าท่า ให้ไปขึ้นทะเบียนกับกรมเจ้าท่าภายในวันที่ 22 มิถุนายน 2560 นี้ หรือได้รับการขึ้นทะเบียนกับกรมเจ้าท่าแล้ว แต่ก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำแหล่งน้ำ ผิดไปจากที่ได้รับอนุญาต ต้องมีโทษจำคุก หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ ในอัตราที่ค่อนข้างสูง รวมทั้งต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นรายปีทุกปีต่อไปอีก ซึ่งเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างมากสำหรับเกษตรกรที่ประกอบอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด โดยเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย มีฐาน ะยากจน
จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น มีเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ จะได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ พบว่าเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดในกระชังที่ปลูกกระชังล่วงล้ำแหล่งน้ำตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2560 จำนวน 10 อำเภอ 247 ครอบครัว รวมจำนวนกระชังทั้งสิ้น 2,967 กระชัง พื้นที่กระชังจำนวน 58,614 ตารางเมตร รวมเป็นเงินค่าธรรมเนียมรายปีกรณีที่ได้รับอนุญาตตารางเมตรละไม่ต่ำกว่า 100 บาท รวมจำนวนทั้งสิ้น 5,861,400 บาท และหากต้องถูกปรับ ต้องเสียค่าปรับตารางเมตรละไม่ต่ำกว่า 500 บาท จะต้องเสียค่าปรับสูงเป็นเงินรวมทั้งสิ้นจำนวน 29,307,000 บาท หรืออาจได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี
สภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ จึงขอความอนุเคราะห์ให้รัฐบาลได้โปรดพิจารณาขยายระยะเวลาการบังคับใช้พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2560 ที่บังคับให้ผู้ที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมเจ้าท่าขยายระยะเวลาจากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 22 มิถุนายน 2560 ออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี และนิรโทษกรรมเกษตรกรที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนสิ่งล่วงล้ำแหล่งน้ำ (แม่น้ำ ลำคลอง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ทะเลในน่านน้ำไทย)หรือได้รับการขึ้นทะเบียนกับกรมเจ้าท่าแล้ว แต่ก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำแหล่งน้ำ ผิดไปจากที่ได้รับอนุญาต ให้ไม่ต้องรับโทษจำคุก หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามความในกฎหมายฉบับนี้
เพื่อให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังที่ล่วงล้ำแหล่งน้ำสาธารณะของจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีเวลาปรับตัว และขอความอนุเคราะห์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ในการปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ก่อน และหากบังคับใช้แล้วจะสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรอย่างมาก ซึ่งเกษตรกรทราบดีว่าได้ใช้แหล่งน้ำสาธารณะในการประกอบอาชีพ และพร้อมที่จะชำระค่าธรรมเนียมรายปีในการดูแลรักษาแหล่งน้ำสาธารณะนั้น แต่อัตราค่าธรรมเนียมรายปี และค่าปรับ ตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้กำหนดอัตราไว้สูงมาก เกษตรกรรายย่อยไม่สามารถแบกรับภาระค่าธรรมเนียมรายปีและค่าปรับที่เรียกเก็บได้ ขอท่านได้โปรดมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก้ไขปรับปรุงกฎหมายให้มีความเหมาะสม เพื่อจะได้ไม่ส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนกับเกษตรกรรายย่อย ที่ประกอบอาชีพอย่างสุจริตและไม่สามารถไปประกอบอาชีพอื่นได้
ประชาสัมพันธ์ : ปชส.สกจ.เชียงใหม่
ในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2560
วันที่ 6 มิถุนายน 2560 เวลา 09.30 น. ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายสมหมาย คำมาสาร ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ นายพิชิต ไชยทา หัวหน้าสำนักงานและเจ้าหน้าที่สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้ง
ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาในกระชัง จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมยื่นหนังสือกราบเรียน นายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง ขอให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2560 โดยนายกฤษณ์ ธนาวณิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นผู้รับหนังสือ
ด้วยสภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นองค์กรจัดตั้งตามพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๓ เพื่อทำหน้าที่ประสานนโยบายและการดำเนินงานระหว่างองค์กรเกษตรกรและหน่วยงานของรัฐ ได้รับข้อมูลและการร้องเรียนจากเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ว่าได้รับความเดือดร้อนจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2560 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่ประกอบอาชีพประมงที่ต้องอาศัยแหล่งน้ำเป็นที่ทำมาหากิน และเป็นที่อยู่อาศัย บางส่วนกำลังอยู่ในภาวะวิตกกังวลเป็นอย่างมากจากการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว โดยไม่ทราบมาก่อน เพิ่งจะมาทราบเมื่อมีการบังคับใช้กฎหมายแล้ว ซึ่งมีบทบัญญัติให้ผู้ที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนสิ่งล่วงล้ำแหล่งน้ำ (แม่น้ำ ลำคลอง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ทะเลในน่านน้ำไทย) กับกรมเจ้าท่า ให้ไปขึ้นทะเบียนกับกรมเจ้าท่าภายในวันที่ 22 มิถุนายน 2560 นี้ หรือได้รับการขึ้นทะเบียนกับกรมเจ้าท่าแล้ว แต่ก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำแหล่งน้ำ ผิดไปจากที่ได้รับอนุญาต ต้องมีโทษจำคุก หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ ในอัตราที่ค่อนข้างสูง รวมทั้งต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นรายปีทุกปีต่อไปอีก ซึ่งเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างมากสำหรับเกษตรกรที่ประกอบอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด โดยเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย มีฐาน ะยากจน
จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น มีเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ จะได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ พบว่าเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดในกระชังที่ปลูกกระชังล่วงล้ำแหล่งน้ำตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2560 จำนวน 10 อำเภอ 247 ครอบครัว รวมจำนวนกระชังทั้งสิ้น 2,967 กระชัง พื้นที่กระชังจำนวน 58,614 ตารางเมตร รวมเป็นเงินค่าธรรมเนียมรายปีกรณีที่ได้รับอนุญาตตารางเมตรละไม่ต่ำกว่า 100 บาท รวมจำนวนทั้งสิ้น 5,861,400 บาท และหากต้องถูกปรับ ต้องเสียค่าปรับตารางเมตรละไม่ต่ำกว่า 500 บาท จะต้องเสียค่าปรับสูงเป็นเงินรวมทั้งสิ้นจำนวน 29,307,000 บาท หรืออาจได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี
สภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ จึงขอความอนุเคราะห์ให้รัฐบาลได้โปรดพิจารณาขยายระยะเวลาการบังคับใช้พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2560 ที่บังคับให้ผู้ที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมเจ้าท่าขยายระยะเวลาจากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 22 มิถุนายน 2560 ออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี และนิรโทษกรรมเกษตรกรที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนสิ่งล่วงล้ำแหล่งน้ำ (แม่น้ำ ลำคลอง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ทะเลในน่านน้ำไทย)หรือได้รับการขึ้นทะเบียนกับกรมเจ้าท่าแล้ว แต่ก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำแหล่งน้ำ ผิดไปจากที่ได้รับอนุญาต ให้ไม่ต้องรับโทษจำคุก หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามความในกฎหมายฉบับนี้
เพื่อให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังที่ล่วงล้ำแหล่งน้ำสาธารณะของจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีเวลาปรับตัว และขอความอนุเคราะห์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ในการปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ก่อน และหากบังคับใช้แล้วจะสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรอย่างมาก ซึ่งเกษตรกรทราบดีว่าได้ใช้แหล่งน้ำสาธารณะในการประกอบอาชีพ และพร้อมที่จะชำระค่าธรรมเนียมรายปีในการดูแลรักษาแหล่งน้ำสาธารณะนั้น แต่อัตราค่าธรรมเนียมรายปี และค่าปรับ ตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้กำหนดอัตราไว้สูงมาก เกษตรกรรายย่อยไม่สามารถแบกรับภาระค่าธรรมเนียมรายปีและค่าปรับที่เรียกเก็บได้ ขอท่านได้โปรดมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก้ไขปรับปรุงกฎหมายให้มีความเหมาะสม เพื่อจะได้ไม่ส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนกับเกษตรกรรายย่อย ที่ประกอบอาชีพอย่างสุจริตและไม่สามารถไปประกอบอาชีพอื่นได้
ประชาสัมพันธ์ : ปชส.สกจ.เชียงใหม่